บ้านที่มีน้องหมาเป็นสมาชิกภายในบ้าน
มาดูวิธีง่ายๆในการขจัดกลิ่นและปรับสมดุลกลิ่นภายในบ้านให้หอมสดชื่น ดีต่อใจทั้งคนและน้องหมากัน
1. หมั่นอาบน้ำแปรงขนให้สุนัข
การดูแลความสะอาดให้สุนัขอย่างสม่าเสมอ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่นตัวในสุนัขไม่ให้ติดห้องได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ ... สำหรับการอาบน้ำให้สุนัข ผู้เลี้ยงควรอาบน้ำให้สุนัขเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยเน้นทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสำคัญที่เป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นเหม็น เช่น ใต้ท้อง อุ้งเท้า ก้น ใบหู ฯลฯ ด้วยการใช้นิ้วนวดวนแล้วล้างฟองแชมพูออกให้สะอาด ใช้ไดร์เป่าขนสุนัขจนแห้งสนิททุกครั้งหลังอาบน้ำเสร็จ โดยเฉพาะกับสุนัขสายพันธุ์ที่มีขนยาวหรือขนสองชั้น เช่น ชิสุ ปาปิยอง ปอมเมอเรเนียน ไซบีเรียนฮัสกี้ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ฯลฯ ที่ต้องการการดูแลเรื่องผิวหนังและเส้นขนเป็นพิเศษ โดยผู้เลี้ยงจะต้องตรวจดูความเรียบร้อยของทรงขนสุนัขทุกครั้งให้แน่ใจว่า มีจุดไหนที่ขนยังไม่แห้งสนิทหรือไม่ หากพบขนยังไม่แห้งก็ควรทำให้ขนแห้งสนิททันที และอาจนำกรรไกรมาตัดเล็มขนให้สุนัขขนยาวในบริเวณจุดสำคัญที่มักพบปัญหาเรื่องกลิ่น เช่น บริเวณรอบปาก ระหว่างนิ้วเท้า รอบ ๆ อุ้งเท้า รอบก้น ใต้ท้อง ฯลฯ เพื่อลดการเกิดความอับชื้น คราบเหลืองซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นตัวของสุนัข หรืออาจพาสุนัขไปตัดขนเป็นทรงขนสั้นเพื่อลดปัญหาขนหลุดร่วง ฟุ้งกระจายทั่วบ้านก็ได้ค่ะ
นอกจากนี้ ผู้เลี้ยงก็อาจหาซื้ออาหารเสริมบำรุงผิวหนังและเส้นขนสำหรับสุนัข ที่จะช่วยให้ผิวหนังและเส้นขนสุนัขแข็งแรง ชุ่มชื่น สุขภาพดีร่วมด้วยก็ได้ แต่ทั้งนี้ ก็ต้องอยู่ในการดูแลของสัตวแพทย์ด้วยนะคะ
2. ทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ
และสำหรับบ้านที่เลี้ยงสุนัขไว้ภายในบ้าน การกำจัดเห็บภายในบ้านก็ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้เลี้ยงจะต้องทำอย่างสม่ำเสมอทุกสัปดาห์ โดยเฉพาะในบ้านที่มีหญิงตั้งครรภ์ เด็กทารก เพราะอาจโดนเห็บกัดจนทำให้เกิดอาการแพ้ เกิดผื่นคันขึ้นได้ แนะนำให้ใช้ยาพ่นกำจัดเห็บที่มีส่วนผสมของ Pyrethrin หรือ Permethrin ที่มีฤทธิ์ฆ่าเห็บมาฉีดพ่นตามฝาผนัง ซอกต่าง ๆ เพราะเห็บมักจะเข้าไปหลับและฝังอยู่ตามผนังที่มีช่องว่าง สิ่งสำคัญในขณะพ่นยากำจัดเห็บก็อย่าลืมที่จะใส่หน้ากากป้องกันการสูดดมยา และควรป้องกันสมาชิกในบ้านที่เสี่ยงได้รับสารเคมี เช่น หญิงตั้งครรภ์ ลูกหลาน สัตว์เลี้ยงต่าง ๆ ให้ออกจากพื้นที่ในขณะฉีดพ่นก่อน และรอจนกว่าสารเคมีจะแห้งจึงค่อยปล่อยให้สมาชิกในบ้านเข้าบ้านได้ค่ะ ... การทำความสะอาด และพ่นยาภายในบ้านเป็นประจำจะช่วยป้องกันและช่วยลดจำนวนของเห็บลงได้เป็น จำนวนมาก รวมถึงยังช่วยกำจัดแมลงอื่น ๆ ภายในบ้านได้อีกด้วยค่ะ (อ่านเพิ่มเติมบทความ เห็บ!! ศัตรูตัวร้ายของน้องหมาที่ต้องกาจัด)
3. ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง
นอกจากผู้เลี้ยงจะเน้นดูแลทำความสะอาดตัวสุนัขและทำความสะอาดบ้านให้สะอาดอยู่เสมอแล้ว การดูแลเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งภายในบ้านเป็นประจำก็สามารถช่วยลดปัญหากลิ่นตัวสุนัขติดห้องได้เช่นกันนะคะ ... โดยผู้เลี้ยงควรหมั่นทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งต่าง ๆ ภายในบ้าน เช่น โซฟา ปลอกหมอนอิง ผ้าคลุมโต๊ะ ผ้าม่าน ตุ๊กตาของเด็ก ๆ โต๊ะ ตู้ กรอบรูป แจกันดอกไม้ปลอม ฯลฯ ด้วยการนำมาปัดกวาด เช็ดถู เพื่อขจัดสิ่งสกปรก ฝุ่น คราบต่าง ๆ
สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่วัสดุทำมาจากผ้า ปัจจุบันเรามีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยขจัดกลิ่นบนผ้าได้โดยไม่ต้องถอดเฟอร์นิเจอร์ไปซักบ่อย ๆ แต่สามารถขจัดกลิ่นและกำจัดแบคทีเรียได้ด้วย ผลิตภัณฑ์ขจัดกลิ่นบนผ้า แอมบิเพอร์ ที่มีสูตรประกอบด้วยสารแอนตี้แบคทีเรีย และ “ลูพาซอล” ซึ่งเป็นสารสกัดจากข้าวโพดแทรกซึมลงสู่เนื้อผ้าตรงเข้าจับโมเลกุลของกลิ่นเหม็นต่าง ๆ เช่น กลิ่นสาบสุนัข กลิ่นบุหรี่ กลิ่นอาหาร กลิ่นกาย กลิ่นเท้า ฯลฯ ได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังช่วยกระจายความหอมลงสู่เนื้อผ้า ทำให้หมอนอิง ผ้าม่าน โซฟา ตุ๊กตาที่น้องหมาอาจจะชอบงับให้กลับมาหอมสะอาดได้ ทำให้ผู้เลี้ยงสะดวกขึ้นหากไม่สามารถซักได้บ่อย ๆ
และหากภายในบ้านมีเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากไม้ แนะนำให้ใช้ผ้าฝ้ายนุ่ม ๆ พ่นด้วยน้ำยาขัดเงาเฟอร์นิเจอร์ หรือสเปรย์กำจัดฝุ่นที่คุณสมบัติป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ สเปรย์จะช่วยกำจัดขนสุนัขซึ่งมีไฟฟ้าสถิตย์ ทำให้เอาขนสุนัขออกได้ง่ายขึ้นและยังลดโอกาสที่ขนสุนัขจะกลับมาติดอีกด้วยค่ะ และถ้าหากต้องการกำจัดขนสุนัขออกจากพื้นผิวหุ้มเบาะหรือผ้าปูที่นอน แนะนำให้ผู้เลี้ยงสวมถุงมือยางที่จุ่มน้ำเปียกหมาด ๆ มาถูบนพื้นผิวหุ้มเบาะหรือผ้าปูที่นอน ขนสุนัขจะเกาะติดที่ถุงมือออกมาอย่างง่ายดายเลยล่ะค่ะ
4. สร้างบรรยากาศด้วยกลิ่น
หลังจากที่ผู้เลี้ยงทำความสะอาดบ้านเสร็จแล้ว บางครั้งก็อาจจะยังมีกลิ่นของสุนัขหลงเหลือภายในบ้านอยู่บ้าง การใช้น้ำหอมปรับอากาศ ก็เป็นอีกตัวช่วยอย่างหนึ่งที่จะสร้างบรรยากาศภายในบ้านให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้นค่ะ โดยผู้เลี้ยงอาจจะเลือกใช้น้ำหอมปรับอากาศที่มีวางจาหน่ายในท้องตลาดหลากหลายรูปแบบ เช่น สเปรย์ปรับอากาศ ลูกหอมปรับอากาศ เจลปรับอากาศ หรือเครื่องฉีดสเปรย์น้ำหอมอัตโนมัติ มาฉีดพ่นหรือตั้งไว้ในห้องที่มีปัญหาเรื่องกลิ่นสาบสุนัข (หากผู้เลี้ยงเลือกใช้เป็นเจลหรือลูกหอมปรับอากาศ แนะนำว่า ควรนำไปวางไว้บนชั้นที่มีความสูงพอสมควรเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กหรือสุนัขด้วยนะคะ)
แนะนำให้ผู้เลี้ยงเลือกกลิ่นที่มีความหอมอ่อน ๆ ส่วนพวกสเปรย์ปรับอากาศที่ใช้ขจัดกลิ่นควรเลือกแบบที่ให้ความหอมสดชื่น เช่น พวกกลิ่นดอกไม้อ่อน ๆ อย่าง สเปรย์ปรับอากาศอโรม่าของ MONTRA กลิ่น Smooth Around ผสมกับสเปรย์ดับกลิ่นและฆ่าเชื้อ Toilet Spray กลิ่นไหนก็ได้ ช่วยปรับสมดุลกลิ่นได้เป็นอย่างดี เพื่อสร้างบรรยากาศในบ้านให้มีกลิ่นหอมและเป็นมิตรกับน้องหมาค่ะ อย่าเลือกสเปรย์ที่มีกลิ่นฉุนเพื่อต้องการใช้กลบกลิ่นเพราะอาจทำให้น้องหมาเครียดได้ หรืออีกทางเลือกหนึ่งผู้เลี้ยงก็อาจจะหาเครื่องฟอกอากาศเข้ามาติดตั้งสักเครื่องเพื่อสุขอนามัยที่ดีก็ได้ค่ะ เคล็ดลับการกำจัดกลิ่นสุนัขไม่ให้ติดห้องก็สำเร็จได้เพียงแค่ผู้เลี้ยงมอบความรัก หมั่นดูแลสุขภาพสุนัขด้วยการอาบน้ำแปรงขนให้สุนัขเป็นประจำ ทำความสะอาดบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ให้สะอาด พร้อมกับสร้างบรรยากาศในบ้านให้หอมสดชื่นอยู่เสมอ เพียงเท่านี้บ้านของผู้เลี้ยงก็พร้อมเปิดต้อนรับแขกโดยไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องกลิ่นสุนัขที่จะติดบ้านอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ
ที่มา : http://www.dogilike.com
อีกอย่างหนึ่งของการวิธีกำจัดกลิ่น ลองเอาไปทำตามกันดูนะคะ
1.ไฟแบล็คไลท์
ใช้ตามร่องรอยฉี่แมวได้ แมวออกโฉนดไว้ตรงใช้แบล็คไลท์ตามถอนหลักเขตได้2.น้ำส้มสายชู
ตัวมันเองมีสภาพเป็นกรด ใช้ปรับแอมโมเนียอันเป็นองค์ประกอบของฉี่ ที่มีสภาพเป็นด่างให้เป็นกลาง3.ไฮโดรเจนเปอออกไซด์ (HO)
ที่ใช้ล้างแผลเลือดแล้วเกิดฟองฟู้ ๆ ตัวมันใช้กำจัดแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักทำให้ฉี่แมวเพิ่มความระทวยยิ่งขึ้น ผสมไฮโดรเจนเปอออกไซด์กับน้ำในอัตราส่วน ๑ ต่อ หนึ่ง ช่วยลดกลิ่นจากฉี่แมวได้4.เบกกิ้งโซดา (Baking Soda)
หรือโซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium Bicarbonate) หรือผงฟู ใช้ดับกลิ่นได้อย่างดี ละลายผงฟู 4 ช้อนโต๊ะ กับน้ำอุ่น 4 ถ้วย ผสมเช็ดได้ทุกกลิ่นกำจัดกลิ่นจากสัตว์ได้ดี ใช้เช็ดทำความสะอาดครัว ดับกลิ่นตู้เย็น หรือใช้ทำให้ผ้าขาวได้ดีกว่าไฮเตอร์5. อโรม่าสเปรย์ และ ทอยเลตสเปรย์
ท่านที่ไม่มีเวลาทำเองก็สามารถหาซื้อ สเปรย์อโรม่ากลิ่นหอมอ่อนๆ และสเปรย์ดับกลิ่นในห้องน้ำ มาใช้เพื่อดับกลิ่นและปรับสมดุลกลิ่นภายในบ้านแทนก็ได้นะคะ สะดวกและใช้ได้ผลดีเลยทีเดียวคะ
ที่มา : http://www.boringdays.net
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น